น้ำแข็งสะอาด ห่างไกลโรค ฉลาดเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่สะอาด ปลอดภัย
น้ำแข็งสะอาด ห่างไกลโรค ฉลาดเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่สะอาด ปลอดภัย
น้ำแข็งจัดว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ คลายร้อน การใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ที่จำเป็นต้องแช่แข็ง รวมไปถึงการใช้รักษาอาหารให้สดใหม่และยืดอายุการใช้งานของอาหารได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น แต่ทราบหรือไม่ว่า ในน้ำแข็งที่เรากินและใช้อยู่ทุกวัน อาจมีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคปะปนอยู่ หากเครื่องทำน้ำแข็งไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
คำแนะนำจากกรมอนามัย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรฐานเครื่องทำน้ำแข็งที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โดยกำหนดให้ต้องมีการทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็งอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน
ทำไมต้องทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็งเป็นประจำ?
เมื่อเครื่องทำน้ำแข็งมีการใช้งานเป็นระยะเวลานาน จะเกิดการสะสมของคราบตะกรัน คราบสิ่งสกปรก และแบคทีเรียที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สะสมอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในเครื่องทำน้ำแข็ง เช่น ถาดใส่น้ำแข็ง ท่อส่งน้ำ และคอยล์ทำความเย็น ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจปนเปื้อนเข้าไปในน้ำแข็งที่ผลิตออกมาได้ หากปล่อยทิ้งไว้นานวันเข้า อาจส่งผลให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้
ผลเสียจากการใช้น้ำแข็งที่ไม่สะอาด
การใช้น้ำแข็งที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรค อาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้แก่
* โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคท้องร่วง โรคอาหารเป็นพิษ
* โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดบวม โรคหลอดลมอักเสบ
* โรคผิวหนัง เช่น โรคกลาก โรคหิด
วิธีทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็ง
การทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็งที่ถูกวิธีจะช่วยขจัดคราบตะกรัน คราบสกปรก และแบคทีเรียต่างๆ ที่สะสมอยู่ภายในเครื่องทำน้ำแข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
1. ถอดปลั๊กเครื่องทำน้ำแข็งออกจากเต้าเสียบไฟฟ้าก่อนทำความสะอาดทุกครั้ง
2. ถอดถาดใส่น้ำแข็งและชิ้นส่วนที่ถอดได้อื่นๆ ออกมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็ง
3. ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขนนุ่มชุบน้ำยาทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็ง เช็ดทำความสะอาดภายในเครื่องทำน้ำแข็ง
4. ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่าเช็ดซ้ำอีกครั้งเพื่อล้างคราบน้ำยาทำความสะอาดออกให้หมด
5. ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ กลับเข้าที่เดิมและเสียบปลั๊กเครื่องทำน้ำแข็งเข้ากับเต้าเสียบไฟฟ้า
เครื่องทำน้ำแข็งยี่ห้อไหนดี?
ในท้องตลาดมีเครื่องทำน้ำแข็งหลากหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ แต่ควรเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานของกรมอนามัย ได้แก่
* ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
* มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ
* มีระบบตัดการทำงานเมื่อน้ำแข็งเต็ม
* มีถาดใส่น้ำแข็งที่ถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
* ใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างเครื่องทำน้ำแข็งที่ได้มาตรฐาน
ตัวอย่างเครื่องทำน้ำแข็งที่ได้มาตรฐานและมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของกรมอนามัย ได้แก่
* เครื่องทำน้ำแข็ง Haier รุ่น HIB-18E
* เครื่องทำน้ำแข็ง Electrolux รุ่น EIM15BB50ARS
* เครื่องทำน้ำแข็ง Sharp รุ่น SJ-IS30E-SL
เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง
นอกจากการเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานของกรมอนามัยแล้ว ยังมีเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็งอื่นๆ ที่ควรคำนึงถึง ได้แก่
* เลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีขนาดเหมาะสมกับความต้องการใช้งาน
* เลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่ใช้น้ำน้อยและประหยัดพลังงาน
* เลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีเสียงดังไม่เกิน 50 เดซิเบล เพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น
* เลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีการรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิต
เรื่องจริงที่เกิดขึ้น
มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้น้ำแข็งที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรค โดยเมื่อปี พ.ศ. 2563 ได้เกิดเหตุการณ์อาหารเป็นพิษหมู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ จากการรับประทานน้ำแข็งที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย โดยมีผู้ป่วยทั้งหมด 120 ราย
ข้อคิดที่ได้
จากเรื่องจริงดังกล่าวทำให้เราได้ข้อคิดว่า การใช้น้ำแข็งที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรคอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้อย่างร้ายแรง จึงควรเลือกใช้เครื่องทำน้ำแข็งที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และหมั่นทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้น้ำแข็ง
สรุป
น้ำแข็งเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ควรใช้น้ำแข็งที่สะอาด ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคต่างๆ จากการใช้น้ำแข็งที่ปนเปื้อนเชื้อโรค โดยสามารถเลือกใช้เครื่องทำน้ำแข็งที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานของกรมอนามัย และหมั่นทำความสะอาดเครื่องทำน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ