น้ำแข็งใสสุดฟิน คลายร้อนดับกระหาย

    น้ำแข็งใสสุดฟิน คลายร้อนดับกระหาย

    น้ำแข็งใสสุดฟิน คลายร้อนดับกระหาย

    น้ำแข็งใส ขนมหวานยอดฮิตตลอดกาล

    น้ำแข็งใส เป็นขนมหวานยอดฮิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติที่หวานเย็น ช่วยคลายร้อนได้ดี จึงเป็นที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน

    ประวัติความเป็นมาของน้ำแข็งใส

    น้ำแข็งใสมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยมีการบันทึกไว้ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ว่ามีการนำน้ำแข็งมาผสมกับผลไม้และน้ำเชื่อมเพื่อรับประทาน ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960-1279) ได้มีการพัฒนาสูตรน้ำแข็งใสให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเพิ่มเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว และเม็ดแมงลัก น้ำแข็งใสเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากในประเทศไทยได้นำสูตรน้ำแข็งใสมาเผยแพร่ ทำให้คนไทยรู้จักและชื่นชอบขนมหวานชนิดนี้

    ประโยชน์ของการรับประทานน้ำแข็งใส

    นอกจากความอร่อยสดชื่นแล้ว น้ำแข็งใสยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะมีส่วนประกอบที่เป็นผลไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น * มะม่วง อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียม * สับปะรด อุดมไปด้วยวิตามินซี แมงกานีส และโบรมีเลน * แตงโม อุดมไปด้วยน้ำ วิตามินซี และไลโคปีน การรับประทานน้ำแข็งใสเป็นประจำจึงช่วยเพิ่มการบริโภคผลไม้และช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น

    วิธีการทำน้ำแข็งใส

    การทำน้ำแข็งใสไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีส่วนผสมและอุปกรณ์ครบถ้วน ก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

    ส่วนผสม

    * น้ำแข็งก้อน เลือกน้ำแข็งที่ใสและไม่มีกลิ่นเหม็น * น้ำเชื่อม ใช้ได้ทั้งน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อมสำเร็จรูป * ผลไม้ตามชอบ เช่น มะม่วง สับปะรด แตงโม * เครื่องปรุงอื่นๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว เม็ดแมงลัก

    อุปกรณ์

    * เครื่องปั่นน้ำแข็ง * ชามผสม * ช้อนหรือตะเกียบ

    วิธีทำ

    1. นำน้ำแข็งก้อนมาปั่นให้ละเอียด 2. ตักน้ำแข็งใสที่ปั่นได้ใส่ชามผสม 3. ราดน้ำเชื่อมลงบนน้ำแข็งใสตามชอบ 4. ใส่ผลไม้และเครื่องปรุงอื่นๆ ลงไป 5. คนให้เข้ากันแล้วรับประทานได้เลย

    สูตรน้ำแข็งใสยอดนิยม

    น้ำแข็งใสมีหลากหลายสูตรให้เลือกทาน แต่สูตรยอดนิยมที่คนไทยชื่นชอบได้แก่ * **น้ำแข็งใสรวมมิตร** ใส่ผลไม้หลากหลายชนิด เช่น มะม่วง สับปะรด แตงโม ถั่วแดง และเม็ดแมงลัก * **น้ำแข็งใสกะทิ** ราดด้วยน้ำกะทิ และราดด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลทรายแดง * **น้ำแข็งใสบ๊วย** ใส่น้ำเชื่อมบ๊วยและบ๊วยดอง * **น้ำแข็งไสวุ้น** ใส่ด้วยวุ้นหลากสีและน้ำเชื่อม

    ข้อควรระวังในการรับประทานน้ำแข็งใส

    แม้ว่าน้ำแข็งใสจะเป็นขนมหวานที่อร่อยและมีประโยชน์ แต่ก็ควรระวังในการรับประทานด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น * **ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน** ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำแข็งใสที่ใส่น้ำเชื่อมเยอะๆ เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ * **ผู้ที่มีภาวะแพ้เย็น** ควรรับประทานน้ำแข็งใสในปริมาณน้อยๆ และไม่ควรรับประทานบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ * **ผู้ที่กำลังเป็นหวัดหรือมีอาการเจ็บคอ** ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำแข็งใส เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้

    เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้ำแข็งใส

    มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้ำแข็งใสมากมาย เช่น * ในปี 2018 มีการจัดงานเทศกาลน้ำแข็งใสครั้งแรกที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยมีร้านค้าจากทั่วโลกมาจำหน่ายน้ำแข็งใสหลากหลายรสชาติและรูปแบบ * ในปี 2019 มีการประกาศสถิติโลกกินน้ำแข็งใสไวที่สุด โดยผู้ชนะกินน้ำแข็งใส 100 กรัม หมดในเวลาเพียง 1.83 วินาที * ในประเทศไทยมีร้านขายน้ำแข็งใสชื่อดังหลายร้าน เช่น ร้านน้ำแข็งใสแม่วรรณาในกรุงเทพฯ ร้านน้ำแข็งใสลุงแจ่มในเชียงใหม่ และร้านน้ำแข็งใสมะม่วงโบราณในภูเก็ต

    บทสรุป

    น้ำแข็งใสเป็นขนมหวานยอดฮิตที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน มีรสชาติหวานเย็น ช่วยคลายร้อนได้ดี และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะมีส่วนประกอบที่เป็นผลไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมและควรเลือกน้ำแข็งใสที่สะอาดและถูกสุขอนามัย เพื่อให้ได้ทั้งความอร่อยและความปลอดภัย iceball maker