น้ำแข็ง...ไส! ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
น้ำแข็ง...ไส! ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
น้ำแข็งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปนี้ความนิยมก็ยังคงไม่เสื่อมคลาย จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรม พบว่าในปี 2563 ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตน้ำแข็งประมาณ 3.5 ล้านตัน มูลค่าราว 8,750 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมน้ำแข็งที่ผลิตจากโรงน้ำแข็งขนาดเล็กอีกจำนวนมากโอกาสทางการตลาด
ปัจจุบันความต้องการน้ำแข็งยังคงสูงอยู่โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้ * อุณหภูมิที่สูงขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน * การขยายตัวของธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม * การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นลูกค้าหลักของน้ำแข็ง * การเพิ่มขึ้นของการบริโภคเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อดับกระหายการแข่งขันในตลาด
ตลาดน้ำแข็งในประเทศไทยมีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยมีผู้ประกอบการหลายรายทั้งรายใหญ่และรายเล็ก การแข่งขันส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคาและคุณภาพของน้ำแข็ง ผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุน เนื่องจากสามารถผลิตน้ำแข็งได้ในปริมาณมาก และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ในขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กจะได้เปรียบในเรื่องของความคล่องตัวและความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วกลยุทธ์การตลาด
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในตลาดน้ำแข็งที่แข่งขันสูง ผู้ประกอบการจะต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน โดยอาจใช้กลยุทธ์ดังต่อไปนี้ *เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ น้ำแข็งที่สะอาดและมีคุณภาพจะเป็นที่ต้องการของลูกค้าเสมอ ผู้ประกอบการจึงควรลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมีระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด *
กำหนดราคาที่แข่งขันได้ ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าจะพิจารณา ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาตลาดและกำหนดราคาที่แข่งขันได้ โดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและราคาของคู่แข่ง *
สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายซ้ำได้ ผู้ประกอบการจึงควรให้บริการที่เป็นเลิศและใส่ใจในความต้องการของลูกค้า *
ทำการตลาดออนไลน์ การตลาดออนไลน์เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย ผู้ประกอบการจึงควรสร้างเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง
คำนวณต้นทุนการผลิต
ต้นทุนการผลิตน้ำแข็งจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของโรงน้ำแข็งและเทคโนโลยีที่ใช้ โดยทั่วไปแล้ว ต้นทุนการผลิตจะประกอบด้วยค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ * ค่าไฟฟ้า * ค่าน้ำ * ค่าแรงงาน * ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรและอุปกรณ์ * ค่าขนส่งตารางเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตน้ำแข็ง
| ขนาดโรงน้ำแข็ง | ต้นทุนต่อตัน (บาท) | |---|---| | เล็ก (น้อยกว่า 1 ตัน/วัน) | 1,000-1,200 | | กลาง (1-5 ตัน/วัน) | 700-900 | | ใหญ่ (มากกว่า 5 ตัน/วัน) | 500-700 |ศึกษาตัวอย่างการลงทุน
ผู้ประกอบการที่สนใจจะลงทุนในธุรกิจน้ำแข็งควรศึกษาตัวอย่างการลงทุนต่อไปนี้โรงน้ำแข็งขนาดเล็ก (น้อยกว่า 1 ตัน/วัน)
* **เงินลงทุน:** ประมาณ 500,000-1,000,000 บาท * **ระยะเวลาคืนทุน:** 1-2 ปี * **อัตราผลตอบแทน:** 10-20%โรงน้ำแข็งขนาดกลาง (1-5 ตัน/วัน)
* **เงินลงทุน:** ประมาณ 1-3 ล้านบาท * **ระยะเวลาคืนทุน:** 2-3 ปี * **อัตราผลตอบแทน:** 15-25%โรงน้ำแข็งขนาดใหญ่ (มากกว่า 5 ตัน/วัน)
* **เงินลงทุน:** ประมาณ 3-5 ล้านบาทขึ้นไป * **ระยะเวลาคืนทุน:** 3-5 ปี * **อัตราผลตอบแทน:** 20-30%สรุป
ธุรกิจน้ำแข็งเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต ผู้ประกอบการที่สนใจจะลงทุนในธุรกิจนี้ควรศึกษาตลาดและกลยุทธ์การตลาดต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในตลาดที่แข่งขันสูงตัวอย่างผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ
*คุณสมชาย ธรรมรักษา เจ้าของโรงน้ำแข็งสมชาย น้ำแข็งที่ผลิตจากโรงน้ำแข็งแห่งนี้มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก ปัจจุบันโรงน้ำแข็งสมชายมีกำลังการผลิตมากกว่า 10 ตัน/วัน และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตในอนาคต *
คุณสมศรี สุวรรณรักษ์ เจ้าของโรงน้ำแข็งสมศรี โรงน้ำแข็งแห่งนี้เน้นการผลิตน้ำแข็งหลอดซึ่งเป็นที่ต้องการของร้านเครื่องดื่มและร้านอาหารเป็นอย่างมาก ปัจจุบันโรงน้ำแข็งสมศรีมีกำลังการผลิตมากกว่า 5 ตัน/วัน และมีลูกค้าประจำอยู่เป็นจำนวนมาก