น้ำแข็งที่ต้องทำกำไรให้คุณได้มากกว่านี้ ด้วยเครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม

    น้ำแข็งที่ต้องทำกำไรให้คุณได้มากกว่านี้ ด้วยเครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม

    น้ำแข็งที่ต้องทำกำไรให้คุณได้มากกว่านี้ ด้วยเครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม

    ในแวดวงธุรกิจร้านอาหาร การบริการ และการจัดเลี้ยง น้ำแข็งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่ทราบหรือไม่ว่าน้ำแข็งมีต้นทุนที่ซ่อนอยู่มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรง รวมไปถึงค่าเสื่อมสภาพอุปกรณ์ต่างๆ

    ราคาแอบแฝงที่คุณต้องจ่ายกับเครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิม

    เครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมที่ใช้กันโดยทั่วไปตามร้านอาหารนั้น มีราคาค่อนข้างสูง โดยมักเริ่มต้นที่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน แต่ถึงแม้จะลงทุนซื้อมาแล้วก็ใช่ว่าจะหมดรายจ่าย เพราะยังมีค่าใช้จ่ายแฝงที่ต้องจ่ายอีกมากมาย * **ค่าน้ำ:** เครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมมักใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15 ลิตรต่อน้ำแข็ง 1 กิโลกรัม หากคิดเป็นต้นทุนค่าน้ำที่ประมาณ 10 บาทต่อหน่วย ก็จะตกอยู่ที่ 1-1.5 บาทต่อน้ำแข็ง 1 กิโลกรัม * **ค่าไฟ:** เครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมกินไฟค่อนข้างมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หากคิดเป็นต้นทุนค่าไฟที่ประมาณ 4 บาทต่อหน่วย ก็จะตกอยู่ที่ 6-8 บาทต่อน้ำแข็ง 1 กิโลกรัม * **ค่าแรง:** การผลิตและขนย้ายน้ำแข็งด้วยเครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมมักต้องใช้แรงงานคนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน หากคิดเป็นต้นทุนค่าแรงที่ประมาณ 300 บาทต่อวัน ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 1-2 บาทต่อน้ำแข็ง 1 กิโลกรัม * **ค่าเสื่อมสภาพ:** เครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-7 ปี หากคิดเป็นต้นทุนค่าเสื่อมสภาพที่ประมาณ 10% ต่อปี ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 1-2 บาทต่อน้ำแข็ง 1 กิโลกรัม เมื่อรวมค่าใช้จ่ายแฝงทั้งหมดแล้ว จะพบว่าต้นทุนในการผลิตน้ำแข็ง 1 กิโลกรัมด้วยเครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมนั้นสูงถึง 3-5 บาทเลยทีเดียว ซึ่งหากเทียบกับราคาขายน้ำแข็งที่ประมาณ 5-7 บาทต่อกิโลกรัม จะเห็นได้ว่ากำไรที่ได้นั้นค่อนข้างต่ำ

    เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม: ทางออกสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มกำไร

    เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมเป็นเครื่องทำน้ำแข็งรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของเครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิม โดยมีจุดเด่นที่สำคัญดังนี้ * **ประหยัดน้ำ:** เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมใช้ปริมาณน้ำน้อยมากในการผลิตน้ำแข็ง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-2 ลิตรต่อน้ำแข็ง 1 กิโลกรัม ซึ่งช่วยประหยัดค่าน้ำได้อย่างมาก * **ประหยัดไฟ:** เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมกินไฟน้อยมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.5-1 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟได้อย่างมาก * **ประหยัดแรงงาน:** เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมมีระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดการใช้แรงงานคนได้อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน * **ทนทาน:** เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมมีโครงสร้างที่แข็งแรงทนทาน มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15 ปี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้อย่างมาก เมื่อรวมข้อดีทั้งหมดแล้ว จะพบว่าเครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมสามารถช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตน้ำแข็งได้ถึง 50-70% เมื่อเทียบกับเครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิม ซึ่งนั่นหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการใช้เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม

    มีตัวอย่างธุรกิจมากมายที่ประสบความสำเร็จจากการใช้เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม เช่น * **ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ:** ร้านอาหารแห่งนี้เดิมทีใช้เครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิมอยู่ แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม ก็สามารถประหยัดต้นทุนในการผลิตน้ำแข็งได้ถึง 50% ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก * **โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา:** โรงแรมแห่งนี้เดิมทีมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำแข็งในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม ก็สามารถผลิตน้ำแข็งได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ และยังช่วยประหยัดต้นทุนได้อีกด้วย * **บริษัทจัดเลี้ยงแห่งหนึ่งในเชียงใหม่:** บริษัทแห่งนี้เดิมทีต้องจ้างแรงงานคนจำนวนมากเพื่อผลิตและขนย้ายน้ำแข็ง แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรม ก็สามารถลดจำนวนแรงงานลงได้ถึง 50% ส่งผลให้ประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก

    ข้อสรุป

    เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยให้ธุรกิจร้านอาหาร การบริการ และการจัดเลี้ยงเพิ่มกำไรได้อย่างมาก โดยช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตน้ำแข็งได้ถึง 50-70% เมื่อเทียบกับเครื่องทำน้ำแข็งแบบเดิม หากคุณกำลังมองหาวิธีลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจของคุณ เครื่องทำน้ำแข็งอุตสาหกรรมเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด high volume ice maker