น้ำแข็งใส: ความหวานเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน
น้ำแข็งใส: ความหวานเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน
น้ำแข็งใสไม่ใสอย่างชื่อเรียก เพราะเป็นของหวานเย็นที่เต็มไปด้วยรสชาติและความสดชื่นที่หวานเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน จนเป็นของหวานที่ครองใจใครหลายคนมาอย่างยาวนาน และด้วยความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีการพัฒนาสูตรและรูปแบบน้ำแข็งใสไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายมาเป็นของหวานยอดฮิตที่ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ ก็สามารถลิ้มรสชาติได้อย่างไม่เบื่อหน่าย
ประวัติความเป็นมาของน้ำแข็งใส
น้ำแข็งใสมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าที่คิด โดยเริ่มต้นจากชาวจีนที่นำน้ำแข็งธรรมชาติมาบดเป็นเกล็ดแล้วราดด้วยน้ำหวานเพื่อความสดชื่น จากนั้นจึงมีการพัฒนารูปแบบและส่วนผสมที่หลากหลายขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นน้ำแข็งใสในแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
น้ำแข็งใสในประเทศไทย
น้ำแข็งใสเข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวจีนที่อพยพเข้ามาในสมัยนั้นได้นำสูตรน้ำแข็งใสมาเผยแพร่ และได้รับความนิยมอย่างมาก จนกลายมาเป็นของหวานยอดฮิตของคนไทยที่ขายกันอยู่ทั่วไป
ความนิยมของน้ำแข็งใส
น้ำแข็งใสเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน โดยจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี พ.ศ. 2564 คนไทยบริโภคน้ำแข็งใสเฉลี่ยคนละ 3 กิโลกรัมต่อปี
ความนิยมของน้ำแข็งใสมาจากหลายปัจจัย ได้แก่
* รสชาติที่หวานเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน
* ราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับของหวานอื่นๆ
* หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป
* มีหลากหลายรสชาติและรูปแบบให้เลือก
ประโยชน์ของน้ำแข็งใส
แม้ว่าน้ำแข็งใสจะมีรสชาติหวาน แต่ก็ให้พลังงานไม่สูงมากนัก โดยน้ำแข็งใส 1 ถ้วย (ประมาณ 200 กรัม) ให้พลังงานเพียงประมาณ 100 แคลอรี่ นอกจากนี้ น้ำแข็งใสยังมีส่วนผสมของผลไม้ต่างๆ จึงมีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่พอเหมาะ
ข้อควรระวังในการรับประทานน้ำแข็งใส
ถึงแม้ว่าน้ำแข็งใสจะเป็นของหวานที่ให้พลังงานไม่สูงมากนัก แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น
* น้ำตาลเกิน: น้ำแข็งใสส่วนใหญ่มีรสชาติหวาน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ
* ท้องเสีย: น้ำแข็งใสที่ทำจากน้ำที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
* เจ็บคอ: น้ำแข็งใสที่เย็นจัดอาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้
วิธีเลือกน้ำแข็งใสที่ดี
เพื่อความปลอดภัยในการรับประทานน้ำแข็งใส ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่ได้มาตรฐานและมีสุขอนามัยที่ดี โดยสังเกตจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
* ความสะอาดของร้านค้า: ร้านค้าควรมีความสะอาด โดยไม่มีแมลงวันตอมและพื้นร้านไม่สกปรก
* ความสะอาดของน้ำแข็ง: น้ำแข็งควรเป็นน้ำแข็งที่ใสสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน
* ความสะอาดของส่วนผสม: ส่วนผสมต่างๆ เช่น น้ำหวาน ผลไม้ และเครื่องเคียง ควรมีความสะอาดและสดใหม่
สูตรน้ำแข็งใสทำเองง่ายๆ
หากต้องการรับประทานน้ำแข็งใสที่สะอาดและได้คุณภาพ สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยใช้ส่วนผสมดังนี้
* น้ำแข็ง 1 กิโลกรัม
* น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
* ผลไม้ตามชอบ
วิธีทำ
1. บดน้ำแข็งเป็นเกล็ด
2. ละลายน้ำตาลทรายในน้ำเปล่า
3. ผสมน้ำเชื่อมกับน้ำแข็ง
4. เติมผลไม้ตามชอบ
เรื่องราวของน้ำแข็งใส
* ในปี พ.ศ. 2558 มีการจัดการประกวดน้ำแข็งใสระดับโลกที่ประเทศไทย โดยมีผู้เข้าแข่งขันจากหลายประเทศทั่วโลก และผู้ชนะเลิศเป็นทีมจากประเทศไทย
* ในปี พ.ศ. 2561 มีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งใสที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลกที่จัดแสดงเกี่ยวกับน้ำแข็งใส
* ในปี พ.ศ. 2564 มีการเปิดตัวน้ำแข็งใสรสชาติใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศและขนมปังกรอบ
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับน้ำแข็งใส
* น้ำแข็งใสที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตร และมีน้ำหนักกว่า 1 ตัน
* น้ำแข็งใสเป็นของหวานยอดนิยมในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ไทย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น
* น้ำแข็งใสมีหลากหลายรสชาติ โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือรสชาติมะม่วง กะทิ และเผือก
ตารางเปรียบเทียบน้ำแข็งใสจากร้านค้าต่างๆ
| ร้านค้า | ราคา | รสชาติ | ความสะอาด |
|---|---|---|---|
| ร้าน A | 20 บาท | หวานกำลังดี | สะอาด |
| ร้าน B | 25 บาท | หวานมาก | ไม่สะอาด |
| ร้าน C | 30 บาท | ไม่หวานมาก | สะอาด |
บทสรุป
น้ำแข็งใสเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติที่หวานเย็นชื่นใจดับกระหายคลายร้อน ราคาที่ไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย จึงทำให้เป็นของหวานที่ครองใจใครหลายคนมาอย่างยาวนาน และด้วยความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีการพัฒนาสูตรและรูปแบบน้ำแข็งใสไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายมาเป็นของหวานยอดฮิตที่ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ ก็สามารถลิ้มรสชาติได้อย่างไม่เบื่อหน่าย