## มาขายไอศกรีมกันเถอะ! มาดูกันว่าการเริ่มต้นธุรกิจไอศกรีมนั้นต้องใช้ต้นทุนเท่าไหร่
## มาขายไอศกรีมกันเถอะ! มาดูกันว่าการเริ่มต้นธุรกิจไอศกรีมนั้นต้องใช้ต้นทุนเท่าไหร่
การเริ่มต้นธุรกิจไอศกรีมนั้นเป็นความฝันของหลายๆ คน แต่หลายคนก็ยังลังเลใจอยู่ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจนี้กันค่ะ
1. ค่ารถไอศกรีม
ค่ารถไอศกรีมนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดและยี่ห้อของรถ โดยทั่วไปแล้ว รถไอศกรีมขนาดเล็กจะเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 250,000 บาท ส่วนรถไอศกรีมขนาดใหญ่จะเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 500,000 บาท
2. ค่าตู้แช่
ตู้แช่จำเป็นอย่างมากสำหรับการเก็บรักษาไอศกรีมให้สดใหม่ โดยทั่วไปแล้ว ตู้แช่สำหรับรถไอศกรีมนั้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท
3. ค่าเครื่องทำไอศกรีม
เครื่องทำไอศกรีมนั้นเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจไอศกรีม โดยทั่วไปแล้ว เครื่องทำไอศกรีมสำหรับรถไอศกรีมนั้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท
4. ค่าอุปกรณ์อื่นๆ
นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการขายไอศกรีมอีกด้วย เช่น ตู้โชว์ไอศกรีม ถ้วยและโคนไอศกรีม ช้อนไอศกรีม เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว ค่าอุปกรณ์เหล่านี้จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท
5. ค่าวัตถุดิบ
ค่าวัตถุดิบนั้นเป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่สำคัญของธุรกิจไอศกรีม โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบนั้นจะคิดเป็นประมาณ 20% ของยอดขาย ดังนั้น หากคุณวางแผนที่จะขายไอศกรีมเดือนละ 100,000 บาท คุณก็จะต้องใช้วัตถุดิบประมาณ 20,000 บาท
6. ค่าแรงพนักงาน
หากคุณวางแผนที่จะจ้างพนักงานมาช่วยขายไอศกรีม คุณก็จะต้องคำนวณค่าแรงของพนักงานด้วย โดยทั่วไปแล้ว ค่าแรงพนักงานขายไอศกรีมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน
7. ค่าการตลาด
การตลาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจไอศกรีม คุณสามารถใช้ช่องทางการตลาดต่างๆ เช่น การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การแจกใบปลิว หรือการออกโปรโมชั่น เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว ค่าการตลาดนั้นจะคิดเป็นประมาณ 5% ของยอดขาย ดังนั้น หากคุณวางแผนที่จะขายไอศกรีมเดือนละ 100,000 บาท คุณก็จะต้องใช้ค่าการตลาดประมาณ 5,000 บาท
8. ค่าเช่าที่
หากคุณวางแผนที่จะเช่าพื้นที่สำหรับขายไอศกรีม คุณก็จะต้องคำนวณค่าเช่าที่ด้วย โดยทั่วไปแล้ว ค่าเช่าที่สำหรับขายไอศกรีมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน
9. ค่าภาษี
ธุรกิจไอศกรีมนั้นก็ต้องเสียภาษีด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ภาษีที่คุณจะต้องจ่ายนั้นจะคิดเป็นประมาณ 10% ของกำไร ดังนั้น หากคุณทำกำไรได้เดือนละ 10,000 บาท คุณก็จะต้องเสียภาษีประมาณ 1,000 บาท
10. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
นอกจากค่าใช้จ่ายที่กล่าวมาแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณอาจจะต้องเผชิญ เช่น ค่าบำรุงรักษารถไอศกรีม ค่าประกันภัย หรือค่าซ่อมแซมตู้แช่ โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะอยู่ที่ประมาณ 5% ของยอดขาย ดังนั้น หากคุณวางแผนที่จะขายไอศกรีมเดือนละ 100,000 บาท คุณก็จะต้องใช้ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 5,000 บาท
ตัวอย่างธุรกิจไอศกรีม
ต่อไปนี้คือตัวอย่างธุรกิจไอศกรีมที่ประสบความสำเร็จ
* **ไอศกรีม Little Dipper:** ไอศกรีม Little Dipper เป็นธุรกิจไอศกรีมขนาดเล็กที่เริ่มต้นจากรถไอศกรีมคันเดียว ปัจจุบัน ไอศกรีม Little Dipper มีสาขามากกว่า 20 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา
* **ไอศกรีม Ben & Jerrys:** ไอศกรีม Ben & Jerrys เป็นธุรกิจไอศกรีมที่โด่งดังไปทั่วโลก ปัจจุบัน ไอศกรีม Ben & Jerrys มีสาขามากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
* **ไอศกรีม Cold Stone Creamery:** ไอศกรีม Cold Stone Creamery เป็นธุรกิจไอศกรีมที่เน้นการผสมผสานไอศกรีมกับท็อปปิ้งต่างๆ ปัจจุบัน ไอศกรีม Cold Stone Creamery มีสาขามากกว่า 1,500 สาขาทั่วโลก
เคล็ดลับการทำธุรกิจไอศกรีม
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการสำหรับการทำธุรกิจไอศกรีมที่ประสบความสำเร็จ
* **ขายไอศกรีมที่มีคุณภาพ:** คุณภาพของไอศกรีมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจไอศกรีม อย่าใช้ส่วนผสมที่ราคาถูกหรือคุณภาพต่ำ
* **เลือกรถไอศกรีมที่เหมาะสม:** รถไอศกรีมเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจไอศกรีม เลือกรถไอศกรีมที่มีขนาดและยี่ห้อที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
* **ตั้งราคาที่เหมาะสม:** ราคาของไอศกรีมควรเหมาะสมกับคุณภาพของไอศกรีมและต้นทุนของคุณ
* **ทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ:** การตลาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจไอศกรีม ใช้ช่องทางการตลาดต่างๆ เพื่อโปรโมตธุรกิจของคุณ
* **ให้บริการลูกค้าอย่างดีเยี่ยม:** บริการลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจไอศกรีม ให้บริการลูกค้าด้วยความสุภาพและเป็นมิตร
สรุป
การเริ่มต้นธุรกิจไอศกรีมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนและการเตรียมตัวที่ดี หากคุณทำการบ้านและปฏิบัติตามเคล็ดลับที่กล่าวมา คุณก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจไอศกรีม