เลียไอติม อร่อยกว่าที่คิด

    เลียไอติม อร่อยกว่าที่คิด

    เลียไอติม อร่อยกว่าที่คิด

    รู้จักกับไอติม

    ไอติมคือของหวานแช่แข็งที่ทำจากนมหรือครีม ผสมกับน้ำตาลและแต่งกลิ่นรสต่างๆ ไอติมมีหลายประเภท เช่น ไอติมเนื้อครีม ไอติมเชอร์เบต ไอติมซอร์เบต์ และไอติมเจลาโต ไอติมเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และมีการบริโภคกันมานานหลายศตวรรษ

    ประวัติของไอติม

    ประวัติของไอติมสามารถสืบย้อนไปได้ถึงหลายพันปีก่อน ในประเทศจีนโบราณ มีการทำของหวานแช่แข็งจากน้ำผลไม้ ผลไม้ และน้ำผึ้ง ในสมัยกรีกโบราณ มีการทำของหวานแช่แข็งจากหิมะ องุ่น และน้ำผึ้ง ในสมัยโรมันโบราณ มีการทำของหวานแช่แข็งจากหิมะ นม และผลไม้

    ประโยชน์ของการกินไอติม

    การกินไอติมในปริมาณที่พอเหมาะมีประโยชน์หลายประการ เช่น * ให้พลังงาน: ไอติมมีแคลอรี่สูง จึงสามารถให้พลังงานได้ดี * ให้แคลเซียม: ไอติมมีแคลเซียมสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูกและฟัน * ให้วิตามิน: ไอติมบางประเภทมีวิตามินต่างๆ เช่น วิตามิน A วิตามิน B2 และวิตามิน D * ช่วยคลายร้อน: การกินไอติมเย็นๆ สามารถช่วยคลายร้อนได้ดี * ช่วยลดความเครียด: การกินไอติมสามารถช่วยลดความเครียดได้ โดยเฉพาะไอติมที่มีรสชาติหวานๆ

    โทษของการกินไอติม

    การกินไอติมมากเกินไปอาจมีโทษได้ เช่น * น้ำหนักเพิ่ม: ไอติมมีแคลอรี่สูง จึงอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ หากกินมากเกินไป * ฟันผุ: ไอติมมีน้ำตาลสูง จึงอาจทำให้ฟันผุได้ หากกินมากเกินไป * ปวดหัว: การกินไอติมเย็นๆ เร็วๆ อาจทำให้ปวดหัวได้ * ท้องอืด ท้องเฟ้อ: การกินไอติมมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้

    วิธีการเลือกไอติม

    ในการเลือกไอติม ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้ * รสชาติ: เลือกรสชาติที่ชอบ โดยอาจเลือกจากรสชาติยอดนิยม เช่น ช็อกโกแลต วานิลลา สตรอว์เบอร์รี * เนื้อสัมผัส: เลือกเนื้อสัมผัสที่ชอบ โดยอาจเลือกจากเนื้อสัมผัสนุ่ม เนื้อสัมผัสแข็ง เนื้อสัมผัสครีม หรือเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ * คุณค่าทางโภชนาการ: เลือกไอติมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยอาจเลือกไอติมที่มีแคลเซียมสูง มีวิตามินสูง หรือมีน้ำตาลต่ำ * ราคา: เลือกไอติมที่มีราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ

    วิธีการเก็บรักษาไอติม

    ไอติมควรเก็บไว้ในช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันไม่ให้อิติมละลายและเสียรสชาติ ไอติมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งสามารถเก็บได้นานถึง 2 เดือน

    วิธีการรับประทานไอติม

    ไอติมสามารถรับประทานได้หลายวิธี เช่น * กินเปล่าๆ: กินไอติมเปล่าๆ โดยอาจใช้ช้อนตักกิน หรือใช้ไม้ไอติมแท่ง * กินกับท็อปปิ้ง: กินไอติมกับท็อปปิ้งต่างๆ เช่น โรยหน้าด้วยช็อกโกแลต ช็อกโกแลตชิป สตรอว์เบอร์รี หรือราดด้วยซอสช็อกโกแลต ซอสคาราเมล หรือซอสสตรอว์เบอร์รี * กินกับผลไม้: กินไอติมกับผลไม้ต่างๆ เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี หรือกล้วย * กินกับเค้ก: กินไอติมกับเค้ก โดยอาจวางไอติมไว้บนหน้าเค้ก หรือใช้ไอติมเป็นไส้เค้ก

    เรื่องราวเกี่ยวกับไอติม

    มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับไอติม เรื่องหนึ่งที่เล่าขานกันมาคือ เรื่องของชายหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อว่า Marco Polo ซึ่งนำสูตรไอติมกลับมาจากประเทศจีนในศตวรรษที่ 13 สูตรไอติมของ Marco Polo เป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป และกลายเป็นพื้นฐานของไอติมที่เรากินกันในปัจจุบัน อีกเรื่องหนึ่งที่เล่าขานกันมาคือ เรื่องของชายหนุ่มชาวอเมริกันที่ชื่อว่า Benjamin Franklin ซึ่งคิดค้นเครื่องทำไอศกรีมในศตวรรษที่ 18 เครื่องทำไอศกรีมของ Benjamin Franklin ทำให้ง่ายต่อการผลิตไอติม และช่วยให้ไอติมเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นในสหรัฐอเมริกา

    เกร็ดความรู้เกี่ยวกับไอติม

    * ไอติมที่ขายดีที่สุดในโลกคือรสวานิลลา * ไอติมที่แพงที่สุดในโลกคือไอติมที่ทำจากน้ำนมล่อ หมวก ราคาถ้วยละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ * ไอติมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีน้ำหนักมากกว่า 10,000 ปอนด์ * ไอติมที่เก่าที่สุดในโลกมีอายุมากกว่า 100 ปี * ไอติมมีส่วนผสมมากกว่า 50 ชนิด

    บทความแนะนำ

    * วิธีทำไอติมง่ายๆ ที่บ้าน * 10 ร้านไอติมที่อร่อยที่สุดในโลก * ประโยชน์ของการกินไอติม * โทษของการกินไอติม * เกเร็ดความรู้เกี่ยวกับไอติม

    บทสรุป

    ไอติมเป็นของหวานที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ หากกินในปริมาณที่เหมาะสม ไอติมสามารถให้พลังงาน แคลเซียม วิตามิน และช่วยคลายร้อนได้ อย่างไรก็ตาม ควรกินไอติมในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อหลีกเลี่ยงโทษต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น น้ำหนักเพิ่ม ฟันผุ ปวดหัว และท้องอืด ท้องเฟ้อ licking ice cream cone