**น้ำแข็งกัด หรือ โรคซางา**
**น้ำแข็งกัด หรือ โรคซางา**
เชื้อราพิษภัยเงียบ
เชื้อราแคนดิดา (Candida) เป็นเชื้อราประเภทยีสต์ที่มีมากถึง 20 ชนิดในร่างกายมนุษย์ โดยอาศัยอยู่บนผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ เช่น ในปาก ลำคอ ช่องคลอด และลำไส้ โดยปกติเชื้อรานี้จะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่เมื่อมีปัจจัยที่ทำให้สมดุลในร่างกายเสีย เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ การได้รับสารเคมีหรือสเตียรอยด์เป็นเวลานาน การติดเชื้อ HIV หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เชื้อราก็จะเจริญเติบโตและก่อให้เกิดโรคได้
รู้จักน้ำแข็งกัด
โรคน้ำแข็งกัดเกิดจากการติดเชื้อราแคนดิดาที่บริเวณริมฝีปากและมุมปาก ทำให้เกิดอาการแสบร้อน คัน และเจ็บเป็นแผล บริเวณริมฝีปากจะแดง แห้ง แตก ลอก และมีสะเก็ดขาว ซึ่งเกิดจากเชื้อราที่เกาะอยู่ นอกจากนี้อาจมีอาการปากแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าขาว และหายใจมีกลิ่นเหม็นได้
ปัจจัยเสี่ยง
โรคน้ำแข็งกัดเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในทารก เด็ก คนชรา และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่
* การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
* การสูดดมสารเคมีหรือสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
* การติดเชื้อ HIV
* โรคเบาหวาน
* โรคมะเร็ง
* ภาวะทุพโภชนาการ
* การสวมใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี
อาการ
อาการของโรคน้ำแข็งกัด ได้แก่
* ริมฝีปากแห้ง แดง แตก ลอก และเป็นสะเก็ดขาว
* มุมปากเปื่อย แสบร้อน คัน และเจ็บ
* ปากแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าขาว
* หายใจมีกลิ่นเหม็น
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยโรคน้ำแข็งกัดโดยการซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยอาจมีการตรวจชิ้นเนื้อหรือเชื้อจากแผลบริเวณริมฝีปากเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
การรักษา
โรคน้ำแข็งกัดสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านเชื้อราทั้งแบบรับประทานและทาภายนอก เช่น ไมโคนาโซล (Miconazole) หรือคลอไตรมาโซล (Clotrimazole) โดยระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
การป้องกัน
การป้องกันโรคน้ำแข็งกัดทำได้โดย
* ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ
* หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
* หลีกเลี่ยงการสูดดมสารเคมีหรือสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
* รักษาสุขภาพให้แข็งแรงและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
* สวมใส่ฟันปลอมที่พอดีและทำความสะอาดเป็นประจำ
สถิติโรคน้ำแข็งกัด
ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยโรคน้ำแข็งกัดประมาณ 1-2% ของประชากร และพบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลสถิติที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาในโรงพยาบาลศิริราช พบว่าโรคน้ำแข็งกัดเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย (25%) ในผู้ป่วยที่มีภาวะปากแห้ง
เรื่องราวผู้ป่วย
นายสมชาย อายุ 65 ปี มีอาการริมฝีปากแห้งแตกเป็นสะเก็ดขาวและมีอาการแสบร้อนมาประมาณ 1 เดือน เขาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคน้ำแข็งกัด แพทย์ได้สั่งยาต้านเชื้อราไมโคนาโซลให้รับประทานและทาบริเวณริมฝีปากเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาการของนายสมชายดีขึ้นอย่างรวดเร็วและแผลหายสนิทภายใน 1 เดือน
เกร็ดน่ารู้
* โรคน้ำแข็งกัดเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่สามารถทำให้เกิดความรำคาญและเจ็บปวดได้
* โรคน้ำแข็งกัดสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาต้านเชื้อรา
* การป้องกันโรคน้ำแข็งกัดทำได้ง่ายๆ ด้วยการล้างมือให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
บทสรุป
โรคน้ำแข็งกัดเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อราแคนดิดาที่บริเวณริมฝีปากและมุมปาก โดยมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ การได้รับสารเคมีหรือสเตียรอยด์เป็นเวลานาน และภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยยาต้านเชื้อรา การป้องกันโรคทำได้โดยการล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หากมีอาการของโรคน้ำแข็งกัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง